ตำราการสร้าง กุมารทองพยนต์ |
|
|
|
ตำราการสร้าง กุมารทองพยนต์
ในวิชาสายนี้เป็นวิชาของสูง สามารถส่งเสรีมดวงชะตาของผู้ เป็นเจ้าของได้อีกด้วย มีผลทางความเจริญรุ่งเรือง ป้องภัยบอกเหตุ ร้ายต่อผู้เป็นเจ้าของได้ การสร้างในตำรานี้สามารถทำได้ ๓ ตน ๓ ชื่อ คือ เจ้าจุก เจ้าแกละ เจ้าเปีย,สุดแล้วแต่จะสร้างตนใดชื่อใดขึ้นมา
การสร้างนั้นก็ต้องหาวัตถุอาถรรพณ์มาให้ได้เสียก่อน ตาม ตำราระบุว่าวัตถุอาถรรพณ์ที่จะนำมาสร้างได้นั้นมีอยู่ ๒ ชนิดคือ ตะโพนมอญและผ้าจูงศพ นอกนั้นใช้ไม่ได้
หนังตะโพนมอญ นั้นตามโบราณเขาว่ามีแรงครู คือก่อนการ จะเล่นดนตรีไทยนั้นเขาต้องทำการไหว้ครูกันก่อน โดยกำหนดเอา กลองตะโพนมอญนั้นเป็นองค์แทนครูทางดนตรี ตะโพนมอณนั้น เมื่อทำการตีจะมีเสียงที่กังวานไพเราะมาก บูรพาจารย์ผู้ชาญฉลาดจึงถือ เอาเคล็ดว่าเป็นกลองครูและมีเสียงดังกังวานจึงนำมาสร้างกุมารพยนต์ ตามตำรากำหนดให้จัดหาหนังตะโพนมอญที่ชำรุดแล้วเท่านั้น
ผ้าจูงศพ นั้นเดี๋ยวนี้หาได้ยากยิ่ง หากันทั้งทีต้องหาตาม ต่างจังหวัดที่ยังมีการเผาแบบกองฟอน ส่วนในกรุงเทพฯ หมดสิทธิ์ ตามบ้านนอกตามต่างจังหวัดนั้นเขาใช้ผ้าดิบสีขาวพาดจากศพ ให้ พระสงฆ์และบรรดาญาติพี่น้องเป็นคนถือเดินนำหน้าศพจากบ้าน ไปป่าช้าเพื่อทำการเผา และเมื่อทำการเผาแล้วผ้าขาวจูงศพเขาจะนำ ถวายพระ เราต้องไปขอบูชามาจากพระสงฆ์
ผ้าจูงศพนี้โบราณtขาถือว่าดีทางส่งเสรีมดวงชะตาให้รุ่งเรือง มีโชคลาภ เหตุเพราะเคล็ดที่ว่าการจูงศพไปนั้นจะไม่มีการย้อนกลับ ไม่นำไปฝังก็นำไปเผา โบราณจึงจับเคล็ดอันนี้เอาผ้าจูงศพนั้นมาทำ กุมารพยนต์
การทำกุมารพยนต์ตามตำรานี้ระบุไว้ว่า สร้างจากหนังตะโพน มอญหรือผ้าจูงศพก็ได้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งสุดแล้วแต่จะหาวัตถุ อาถรรพณ์ได้ เพื่อได้มาแล้วก็ต้องนำมาเสกด้วย มนต์ธรณีสารเสียก่อน ไล่เสนียดจัญไรแล้วจึงค่อยนำมาทำในขั้นตอนต่อไป
เมื่อได้หนังตะโพนมอญหรือผ้าจูงศพมาแล้วหลังจากเสกมนต์ ธรณีสารแล้วจึงนำมาทำองค์กุมารพยนต์ โดยถ้าเป็นหนังตะโพนมอญ ก็นำมาตัดให้เป็นองค์กุมาร ขณะตัดปากต้องสาธยายมนตราไปด้วย จนกว่าจะได้องค์กุมารตามต้องการ หลังจากนั้นก็เอาสีดำมาแต้มผม ดวงตา เอาสีแดงแต้มปากและคิ้ว ขณะแต้มปากก็ต้องว่ามนตราไป ด้วยจนกว่าจะแล้วเสร็จ
|