ยอดเกจิเมืองพิจิตร ศิษย์มือขวารูปเดียวที่หลวงพ่อเดิมครอบครูให้ หมดทุกรายการ

หลวงปู่จรัญ วัดน้ำเคือง อายุ 89 ปี 69 พรรษา
ตำบลท้ายทุ่ง อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร
หลวงปู่จรัญ : เจ้าตำรับน้ำมนต์หลวงพ่อเดิม ขลังขนาดรดคนบ้าให้หายได้
หลวงปู่จรัญ : เด็กใส่เหรียญท่านลอยน้ำได้ คนขับแท็กซี่โดนปาดคอไม่เข้า
หลวงปู่จรัญ : เจ๊กหยี่เดิมไม่นับถือเลยพอนิมนต์ไปฉันที่บ้านแล้วรวยเอารวยเอา รอยเจิมของหลวงปู่บนแผ่นไม้ยังต้องตัดใส่กรอบ
หลวงปู่จรัญ : เสกสิงหราชร้องคำราม เสกพระปิดตาดอกจำปี กลิ่นดอกไม้สวรรค์ลอยทวนลม !?

หลวงปู่จรัญ วัดน้ำเคือง ตำบลท้ายทุ่ง อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร

หลวงปู่จรัญ วัดน้ำเคือง องค์นี้ของจริงของพิจิตร มีดีมาก เพชรแท้ที่ซ่อนเร้นกายในท้ายทุ่ง ของจริงที่คนท้องถิ่นเคารพยำเกรง ในพิจิตรหลวงปู่เป็นหนึ่งไม่รองใคร ปัจจุบันหลวงปู่มีพรรษามากที่สุดในจังหวัด อายุถึง 89 ปี ยังแข็งแรงพูดจาฉะฉานความจำดีเลิศ ศิษย์จะยำเกรงในบารมีท่านมาก แค่หลวงปู่มองก็เหมือนต้องมนต์สะกดแล้ว หลวงปู่จรัญเป็นคนลพบุรี ดงพลับ บ้านหมี่ ต้นตระกูลเป็นลาวพรวน บวชตั้งแต่อายุ 20 ปีกับหลวงปู่อุปัชฌาย์จอน ผู้เป็นศิษย์ในหลวงปู่สายวัดพยัฒาราม วัดเสือ หลวงปู่จึงได้วิชาสายหลวงปู่สายยอดเกจิลพบุรีมาเต็ม ๆ สมัยหนุ่ม ๆ ได้ยินชื่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์อยากไปหาแต่ไปไม่ถูกพอดีมาอยู่วัดทุ่งเรไร ซึ่งหลวงพ่อเดิมขนมีดหมอ ผ้ายันต์รูปหล่อใส่หลังช้างมาเป็นกระสอบเพื่อแจกงานฝังลูกนิมิตวัดทุ่งเรไร หลวงปู่จรัญพระหนุ่มวัยคะนองได้รับหน้าที่เฝ้าวัตถุมงคลในโบสถ์ หลวงพ่อเดิมท่านมาด้วยพักอยู่ที่กุฎิเจ้าอาวาส ยามดึกหลวงปู่จรัญได้ไปเปิดกระสอบผ้ายันต์รูปหล่อและมีดหมอชักจากปลอกออกมาดู และลอกยันต์จากวัตถุมงคลหลวงพ่อเดิม หัดเขียนอยู่ทั้งคืน พอรุ่งสางหลวงพ่อเดิมเดินเข้ามาในโบสถ์เรียกหลวงปู่จรัญเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ อยากรู้หรือลูกทำไมไม่ถามพ่อ จะสอนให้อยู่แล้วไม่ต้องครูพักลัก จำหรอกพ่อคุณ ” หลวงปู่จรัญก้มกราบท่าน ท่านสั่งให้หาดอกไม้ธูปเทียนแต่งขันธ์ 5 มาหาท่าน หลวงปู่จรัญก็ทำตาม หลวงพ่อเดิมก็ครอบครูรับหลวงปู่จรัญเป็นศิษย์ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อเดิมสั่งให้ไปหาที่วัดหนองหลวงหลายครั้ง แต่ละครั้งหลวงพ่อเดิมก็จะสอนสั่งเทียบอารมณ์จิตให้อย่างดี มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อเดิมพาไปหลังวัดหนองหลวงชี้ให้หลวงปู่จรัญดูรังนกกระจาบและถามว่า “ พ่อคุณดูซิเขามีไข่กี่ใบนะ มีลูกชายลูกหญิงกี่ตัว ” หลวงปู่จรัญก็ใช้วิชาที่หลวงพ่อเดิมสอนบอกท่าน หลวงพ่อเดิมท่านอมยิ้มและตอบมาว่า “ ดีดีรู้ดี รักษาไว้นะพ่อ ” หลวงปู่จรัญยังไปหาหลวงพ่อเดิมที่วัดหนองโพธิ์หลายครั้ง เทียวมาเทียวไป ครั้งหนึ่งๆอยู่กับหลวงพ่อเดิมเป็นเดือน ๆ ยังเคยพบหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อโอดวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมแนะนำให้รู้จักลวงพ่อโอด และบอกว่านี่องค์นี้พี่คุณนะ คุณโอดเขาอยู่ถิ่นพ่อ ส่วนคุณไปเอาดีต่างถิ่น

ประมาณปี 2492 หลวงปู่จรัญไปกราบหลวงพ่อเดิม ท่านบอกหลวงพ่อน้อยซึ่งขณะนั้นครองวัดหนองโพธิ์แทนท่านแล้ว ว่า ขอมีดให้ “ คุณ ” (หมายถึงหลวงปู่จรัญ) ซักเล่มเถอะเล่มโต ๆ หน่อยนะ หลวงพ่อน้อยหยิบมาถวายหลวงพ่อเดิม ท่านรับมาแล้วมอบให้หลวงปู่จรัญ บอกว่าคุณลองไปดูเจ้าใหญ่ของพ่อซิเขาอยู่ป่าข้าง ๆวัดนี้เอง หลวงปู่จรัญจึงเดินไปหาเจ้าใหญ่ช้างหลวงพ่อเดิมซึ่งไม่เคยให้ใครขี่ได้นอกจากหลวงพ่อเดิมและควาญที่เลี้ยงเขา เจ้าใหญ่ยืนหันหน้าหาหลวงปู่จรัญร้องแปร๋น ๆ โน้มตัวลงย่อขาแสดงอาการจะรับหลวงปู่จรัญขึ้นขี่ ควาญช้างจึงบอกว่าอาจารย์ลองดูซิใหญ่เขาให้ขึ้น หลวงปู่จรัญจึงขึ้นขี่เจ้าใหญ่ช้างเชือกสำคัญของหลวงพ่อเดิมได้มีดหมอเล่มนั้นท่านมอบให้ทหารไปแล้ว
ปี 2494 หลวงพ่อเดิมมรณภาพ หลวงปู่จรัญได้ไปอยู่ช่วยงานที่วัดหนองโพธิ์หลายวัน หลวงพ่อเดิมสอนวิชาให้หลวงปู่จรัญมาก หลวงปู่รักหลวงพ่อเดิมดุจพ่อแท้ ๆ มีความสัมพันธ์เสมือนว่าเคยเกิดเป็นพ่อลูกกันมาหลายชาติ

หลวงปู่จรัญพระสงฆ์หนึ่งเดียวที่หลวงพ่อเปรื่อง ให้เณรมาตามไปเสกพระปี 15

หลวงปู่จรัญเคยไปอยู่วัดบางคลาน วัดหลวงพ่อเงินที่พิจิตร สมัยหลวงพ่อเปรื่องเป็นเจ้าอาวาส ในฐานะเพื่อนรักกับหลวงพ่อเปรื่อง หลวงปู่ได้ไปขอเรียนและศึกษาวิชาในสาย หลวงพ่อเงิน เทพเจ้าแห่งโพธิทะเลและฝึกฝนเอง หลวงพ่อเปรื่องแนะนำบ้าง หลวงพ่อเงินเคยปรากฏในนิมิตสอนให้บ้าง ในงานเสกพระปี 15 เป็นพิธีใหญ่ พอทำพิธีที่วัดสุทัศน์ ฯ แล้วก็ขนพระไปเสกที่วัดบางคลานอีกครั้ง พิธีนี้พระเกจิคณาจารย์มากมาย หลวงปู่จรัญอยู่ช่วยงานมีหน้าที่รับรองพระเกจิที่มาเสก พิธีนี้ทำกันทั้งวันทั้งคืน ใกล้เที่ยงคืนแล้วหลวงปู่จรัญนั่งสมาธิในกุฎิ มีเณรมาเรียกบอกว่าหลวงพ่อเปรื่องให้มาตามท่านห่มผ้ารออยู่แล้วจึงเดินไปหา หลวงพ่อเปรื่องบอกว่า “ หลวงพี่ ( หลวงพ่อเปรื่องเรียกหลวงปู่จรัญ ) เสกพระหน่อยซิ หลวงพ่อ (หมายถึง หลวงพ่อเงิน ) ให้หลวงพี่นั่งเสกด้วย ” หลวงปู่จรัญซึ่งทราบอยู่แล้วด้วญาณของท่านจึงไม่ต้องพูดอะไร เดินเข้าไปในโบสถ์ไปนั่งเสกร่วมกับเกจิอีกหลายรูป หลังนั่งเสกสักครู่มีหลวงปู่ท่านหนึ่งเป็นพระที่มีลูกศิษย์มาก ( หลวงปู่จรัญจำชื่อท่านไม่ได้ ) เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า “ ตอนผมอายุเท่าคุณ ผมยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย คุณนี่แน่จริง ๆนะ ”

เปิดตัวเกจิเมืองชาละวัน สายพุทธาคม หลวงพ่อวัดพยัคาราม ( วัดเสือ )

หลวงปู่จรัญ วัดน้ำเคือง พรรษา 69 มากที่สุด 1 ในจังหวัด

หลวงปู่จรัญ : หนึ่งเดียวที่หลวงพ่อเดิมพาไปดูรังนกกระจาบ และทายได้ว่าไข่กี่ฟองตัวผู้ตัวเมียกี่ตัว

หลวงปู่จรัญ : หนึ่งเดียวที่หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลานตามให้เสกพระปี 15 “บอกหลวงพ่อเงิน สั่ง ” องค์นี้ของจริงยิ่งกว่าจริง !?

หลวงปู่จรัญ : หนึ่งเดียวที่สะกดเจ้าใหญ่ ช้างแสนรู้เชือกสัมคัญของหลวงพ่อเดิม

หลวงปู่จรัญ : หนึ่งเดียวที่หลวงพ่อพรหม ช่องแค รับครอบครูโดยเสกข้าวให้กิน และทายใจหลวง พ่อพรหมถูก

หลวงพ่อพรหมวัดช่องแครับครอบครูโดยเสกข้าวให้กิน

ประมาณปี 2511 หลวงปู่จรัญเดินทางไปกราบหลวงพ่อพรหมที่เขาช่องแค พอไปถึงหลวงพ่อพรหมกำลังฉันเพลพอดี จึงเรียกหลวงปู่ให้มานั่งฉันด้วย ขณะฉันหลวงพ่อพรหมพูดขึ้นมาว่า “คุณไม่ต้องเรียนกับผมหรอก พรางชี้มือไปที่พระพุทธรูป คุณต้องเรียนกับพระพุทธ ” หลวงปู่ตอบสนทนากับหลวงพ่อพรหมหลายคำ พอฉันเสร็จหลวงพ่อพรหมปั้นข้าว 3 ก้อน ยื่นให้หลวงปู่จรัญบอกว่า “ คุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบองค์ 3 คุณ รักษาไว้ในตัวนะ ” หลวงปู่จรัญจึงกลืนข้าว 3 ก้อนของหลวงพ่อพรหม พอเวลาจะกราบลาหลวงพ่อพรหมท่านบอกว่า “ คุณรับของผมไปแล้วรักษาให้ดีนะ ” ขณะที่สนทนากันหลวงพ่อพรหมชี้ให้ดูในบาตรแล้วถามว่า “ คุณอะไรอยู่นะ คุณรู้ไหม ” หลวงปู่จรัญจึงใช้จิตดูก็ตอบไปว่า “ มียาสมุนไพรอยู่กับดีหมี ” หลวงพ่อพรหมบอกว่า “ คุณมาถูกทางแล้ว เอาเถอะมีอะไรก็บอกผม ผมไม่ทิ้งคุณหรอก ผมยังอยู่อีกนาน ”

สยบเจ๊กหยี่ที่ไม่นับถือ ตอนหลังรวยเอารวยเอา ด้วยบารมีหลวงปู่

เจ๊กหยี่คนดังทับคล้อนิมนต์หลวงพ่อชื่อดังองค์หนึ่งไปฉันเพลและเจิมร้าน หลวงพ่อองค์นี้เกิดป่วยไปไม่ได้ หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ไปหาสมภารวัดน้ำเคืององค์นี้เก่ง เจ๊กหยี่เสียมิได้ไม่เคยรู้จักและเลื่อมใสหลวงปู่วัดน้ำเคืองเลย แต่ก็ไปนิมนต์ท่าน หลวงปู่ก็ไปฉันเพลและเจิมให้ ตั้งแต่นั้นมากิจการของเจ๊กหยี่ก็เจริญขึ้น ขยายกิจการไปทั่ว ทุกที่ก็จะนิมนต์หลวงปู่วัดน้ำเคืองไปเจิมให้ ( เจ๊กหยี่เรียกชื่อหลวงปู่ไม่ชัด เลยเรียกว่า หลวงปู่วัดน้ำเคืยง ) ปัจจุบันนี้เจ๊กหยี่เสียชีวิตแล้ว ลูกชายยังตัดไม้กระดาษรอยเจิมเดิมที่หลวงปู่จรัญไปเจิมให้ใส่กรอบเก็บไว้ที่บ้านเลย ( รอยเจิมของหลวงปู่ขลังขนาดนั้น )

น้ำมนต์ตำรับหลวงพ่อเดิมโคตรศักดิ์สิทธิ์

ชาวทับคล้อจะรู้จักหลวงปู่จรัญในฐานะพระเก่งอาบน้ำมนต์สุดยอดเยี่ยมยุทธที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะหลวงปู่เรียนวิชาทำน้ำมนต์มาจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงปู่จะว่าคาถาดัง ๆ และอาบน้ำมนต์ไปด้วย เคยมีคนมาอาบน้ำมนต์กับท่านพอลุกออกไปมีตะปูเส้นผมตกเกลื่อน บางคนอาเจียนออกมาเป็นหนังควายชิ้นเล็ก ๆ ก็มี หลวงปู่จรัญเคยอาบน้ำมนต์ให้คนเสียจริตให้มีสติกลับมาเหมือนเดิมได้ คนโดนคุณ โดนของ ดวงตกดวงไม่ดี หลวงปู่จะอาบน้ำมนต์ให้ ทุกรายกลับไปดีขึ้นทั้งนั้น คนทั่วไปเวลาอาบน้ำมนต์ของหลวงปู่จะรู้สึกเลยว่าไม่ธรรมดา ต้องประคองใจไว้ให้ดีใจจะสั่นมาก พวกที่สักยันต์พอเผลอสติปั๊บของจะขึ้นทันที บางคนโดนของผู้ชายแท้ ๆ ร้องเสียงเป็นผู้หญิง ก็มี ยุคนี้น้ำมนต์ของหลวงปู่นี้ใครก็สู้มิได้

สิงหราชหล่อรุ่น 1

วิชาสิงหราชเป็นวิชาสำคัญในสายมหาอำนาจมหาบารมีของหลวงพ่อเดิมที่หลวงปู่จรัญเรียนสืบมาเป็นวิชาแรก แต่หลวงปู่ไม่เคยสร้างสิงหราชอย่างเป็นทางการเลย มีแต่ศิษย์ที่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม หามาให้ท่านเสกโยมข้างวัดกลางคืนเคยได้ยินเสียงเสือคำรามในกุฎิหลวงปู่เวลาท่านเสกสิงห์ราช

ครั้งนี้เป็นการสร้างสิงห์ราชรุ่นแรกของหลวงปู่ ตำราว่า ราชสีห์เป็นตำนานพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าพญาสิงห์เป็นเจ้าป่า ราชาของสัตว์ทั้งปวง แม้เสียงคำรามก็หยุดสัตว์ทั้งปวง ได้ชะงัดนัก หลวงพ่อเดิมเคยให้หลวงปู่ กำสิงห์ไว้ในมือและว่าคาถาปลุก ช่วงแรก ๆ ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น หลวงพ่อเดิมบอกว่า สำคัญนะคุณจิตนะ คาถาจะขลังอยู่ที่จิต ตอนหลังหลวงปู่กำสิงห์ไว้ในมือปลุกเหมือนมีอะไรตัวใหญ่มีแรงมากดิ้นอยู่ในมือ หลวงปู่สร้างสิงห์หล่อมีเหตุผล ว่า ท่านทำสิงหราชรุ่นแรกไม่อยากทับลอยครูบาอาจารย์(หลวงพ่อเดิม)ที่เคยสร้างเป็นงาแกะ ถ้าท่านสร้างเป็นงาก็จะทับทางครูไม่ดี คนโบราณจะถือเรื่องนี้มาก สิงห์หลวงปู่รุ่นแรกท่านปลุกเสกตามตำราราชสีห์ไกรสรห์ให้เป็น ทั้งมหาอำนาจ มหาบารมี มีอิทธิฤทธิ์ตามตำราไม่ผิดเพี้ยน ปกครองคนเป็นใหญ่เหนือผู้อื่นมีอำนาจมากกว่าหมู่ ปัจจุบันจะหาสิงห์ราชตามตำราหลวงพ่อเดิมไม่ได้ ก็ขอบอกว่ายังมีอยู่ที่วัดน้ำเคืองวัดหลวงปู่จรัญองค์นี้ สิงหราชหล่อรุ่น 1 เนื้อตะกั่วหมด

ตะกรุดคู่ชีวิต สมบัติธิบดี

ถ้าเอ่ยถึงตะกรุดคู่ชีวิตสมัยโบราณที่ดังกระฉ่อน หากันให้ควั่ก ก็ต้องยกนิ้วถวายพระเกียรติ์ให้ตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ผู้มีรูปหล่อองค์เล็ก ๆ ราคาแพงเป็นล้าน ทองเหลืองแพงกว่าทองคำมีที่เดียวในโลก ตะกรุดหลวงพ่อเงินไม่มีใครสู้ได้ ซึ่งทุกวันนี้ตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเงินกลายเป็นตำนานไปแล้ว ขนาดลูกศิษย์ของท่านคือ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ทำตะกรุดคู่ชีวิตเจริญรอยตามหลวงพ่อเงินยังขลังเป็นที่สุด หายากมีค่านิยมเป็นหมื่น ๆแสน ๆ อย่าลืมว่าหลวงปู่จรัญเคยไปอยู่ที่วัดบางคลานอยู่กับหลวงพ่อเปรื่อง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน ได้ไปศึกษาวิชาหลวงพ่อเงินที่วัดแห่งนี้ ถึงขนาดหลวงพ่อเงินมาสั่งหลวงพ่อเปรื่องให้ตามปู่จรัญไปเสกพระปี 15 แสดงว่าสายวิชาหลวงพ่อเงินมาอยู่กับหลวงปู่จรัญมากพอตัว หลวงปู่ได้สร้างตะกรุดไว้บ้างพอสมควรชาวบ้านละแวกวัดนำไปใช้มีปาฏิหาริย์มากมายนัก ท่านหวล คิดว่าตะกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่อเงินเป็นวิชาสำคัญท่านยังไม่ได้สร้างเลย จึงทำพิธีบอกกล่าวครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อเงินเป็นปฐม จัดทำตะกรุดคู่ชีวิตขึ้นตามตำรา ตั้งโรงพิธีบายศรีมีราชวัตรฉัตรธงเป็นบันลัง ลงตะกรุดยามเช้าก่อนไก่ขัน จนจบเวลาพระฉันจังหันจึงเลิก เมื่อลงแล้วปลุกเสกลึกเข้าไปในญาณสมาธิเกิดนิมิตว่าหลวงพ่อเงินมาหา ถามท่านว่า “ ยามนี้จะไปสู้รบผจญศึกสงครามที่ไหนกัน เอาพิชัยสมบัติลงไปด้วยซิ จะได้กันแก้ทุกข์ภัยได้ ได้สมบัติโภคทรัพย์ มากเงิน มากทอง มากลาภด้วย ” ก็ปรากฏพิชัยสมบัติขึ้น หลวงปู่จำได้เคยไปดูและเรียนมาจึงทำพิธีลงวิชาพิชัยสมบัติในตะกรุดคู่ชีวิตรุ่นแรกของท่านด้วย พอม้วนแล้วตอกโค๊ตพันเชือก ไม่อยากให้ตะกรุดนี้เหมือนใครเขา จึงนำยางมะเดือ มาลงแทนรักดำสนิท ปิดทองไว้ 2 ปล้องแทนวิชา 2 สายของหลวงพ่อเงิน คือ “ คู่ชีวิต ” และ “ พิชัยสมบัติ ” และเป็นการทำตะกรุดโทนดอกแรกอย่างเป็นทางการของหลวงปู่จึงลงจารย์ยันต์ครูที่หลวงพ่อเดิมใช้เป็นประจำ คือนะองค์พระ พระเจ้าเปิดโลก เป็นการบูชาครูและเชิญบารมีพระเจ้าเปิดโลกชนะในทุกทิศมีชัยทุกทางให้ครอบคลุมเป็นด่านแรกของตะกรุดโทนดอกนี้ พอหลวงปู่ทำพิธีปลุกเสกหมดทุกอย่างแล้วท่านได้นำตะกรุดนี้แช่น้ำมนต์ ปลุกเสกอีกที เป็นการเสริมปรุงธาตุทั้งสี่ให้ครบถ้วน

ตะกรุดดอกนี้มีค่าควรเมือง ผู้มีบุญจึงได้ไว้บูชา มีอุปเท่ห์การใช้ว่า เข้ารณรงค์สงครามรูดไว้ข้างหน้า แคล้วคลาดคงทน ศาตราวุธทำอันตรายไม่ได้ หนีข้าศึกศัตรูให้รูดไว้หลัง เป็นมหากำบังศัตรูตามมิทัน ถ้าเข้าหาขุนนางเท้าพระยา สมณชีพรหมณ์ให้รูดไว้ด้านขวา หากจะเข้าเจรจาพาทีสตรีเพศให้รูดไว้ซ้าย จะแข่งม้าแข่งเรือให้รูดไว้ข้างหลังก่อน ต่อเมื่อศัตรูคู่แข่งพ้นไปแล้ว ให้รูดไว้ หลัง ศัตรูตามไม่ทัน ผู้ใดมีไว้ไม่ตายด้วยคมศาสตราวุธ ให้ อาราธนาให้จงดี คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ มาประสิทธิแล ตะกรุดคู่ชีวิตสมบัติธิบดีหมด

พระปิดตากลีบจำปี มหาลาภ

หลวงพ่อเดิมมีวิชาหนึ่งเป็นเมตตาสูงมาก และมหานิยมสูงที่สุดด้วย หลวงพ่อเดิมท่านบอกสรรพคุณว่า “ ดอกจำปี ดอกเล็ก ขาวอมเหลือง ในดอกไม่มีอะไรเลยมีกลีบกับเกสรนิดเดียว มีกลิ่นหอมส่งไปเรียกหมู่ภมร หมู่แมลงที่บินไกลเป็นกิโล ๆ เขามาดอมดมชมกลิ่นได้ หรือแม้แต่คนที่อยู่ใกลแค่ไหน เมื่อได้กลิ่นจำปีเหมือนต้องมนต์สะกดชอบยินดีในกลิ่นหอมของดอกจำปี จะพูดชมไม่ขาดปาก นานเข้ากลิ่น จะยิ่ง หอมนาน หอมไกลไปอีก ” โบราณจึงนำสรรพคุณของดอกจำปีที่ใครก็วิ่งหา ได้กลิ่นดังต้องมนต์สะกด มาสร้างดอกจำปีพุทธคุณขึ้น อุปมาดังพระธรรมของพระพุทธเจ้าหอมหวนทวนลมฉันได กลี่นดอกจำปีก็ฟุ้งกระจายฉันนั้น หลวงพ่อเดิมเคยทำจำปี งาแกะ เพื่อให้แม่ค้าแม่ขายคนที่ต้องการความเมตตามหาเสน่ห์ คนแห่เข้ามาซื้อของ เหมือนหมู่ภมรหมู่แมลงอยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องบินมา จำปีหลวงพ่อเดิมจึงขลังแรงที่สุดทางเมตตา มหานิยมและมีลาภมาก

หลวงปู่จรัญจึงสร้างจำปีรุ่นแรกไม่ให้ทับรอยครูบาอาจารย์ ทำพระปิดตามหาลาภ ซึ่งเป็นองค์พระมหากัจจาเยนะที่มีลาภผลเป็นเลิศ มีปัญญาในการเทศนามาก ประทับในดอกจำปี สวยงามลงตัว จำปี 5 แฉกย่อคุณยันต์ครูพระเจ้า 5 พระองค์ ด้านหลังเป็นยันต์นะพระเจ้าเปิดโลกแผ่รัศมี เป็นมนต์เรียกโภชนาหารเงินทองทรัพย์สินไหลเข้ามาไม่ขาด หลวงปู่ปลุกเสกพระปิดตามหาลาภดอกจำปี ตามตำรับการสร้างดอกจำปีหลวงพ่อเดิมอันโด่งดัง เสริมมหาลาภมหาลาโภ ลงไป องค์พระสวยงามคมชัดมากมาก พ่อค้าแม่ค้าทำธุรกิจติดต่อการค้าอยากให้มีลูกค้ามาก คนซื้อของเยอะกิจการดี มั่งมีทรัพย์โชคลาภไหลมา ก็อย่าลืมใช้ปิดตากลีบจำปีติดร้านติดบริษัทไว้ “ กลิ่นจำปีหอมติดจมูก หอมทวนลมใด้ ฉันใด ลูกค้าจะนิยมชมชอบนึกถึงเราในทางที่ดีงามฉันนั้น ” พระปิดตากลีบจำปีเนื้อขมิ้นปูน สีแดง หมด (ปูนไม่ถูกกับขมิ้นจับมาผสมกันได้ )

ยอดยันต์อุณาโลมนพเกล้าพร้อมตะกรุดพระเจ้า 5 พระองค์

อุณาโลมเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า หนึ่งใน 32 ประการที่เรียกว่า มหาปุริสลักษณะ มหาบุรุษ แสดงถึงผู้มีบุญ อันยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน ในสมัยสมด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชาลที่ 1) ก็ทรงใช้ตราอุณาโลมเป็นตราสัญลักษณ์แทนพระองค์ อุณาโลมยังมีความหมายที่สำคัญอีกอย่างคือ พระเนตรที่ 3 ของพระนารายณ์ ที่เรียกว่า ตรีเนตร เทพนิทานกล่าวว่า “ เครื่องหมายอุณาโลมอยู่ที่ใด จะนำมาซึ่งความเจริญ เกิดปัญญา ให้ความสว่างแก่โลก ” อุณาโลมเกจิยุคก่อนที่เก่งกล้าสามารถทุกองค์ รู้จักยันต์ที่ทำให้จำเริญนี้ดี ได้นำอุณาโลมมาเป็นยอดประกอบยันต์ครูของท่าน ยกตัวอย่าง หลวงปู่แก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ แม้แต่หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ อาจารย์หลวงปู่จรัญยังใช้ยันต์อุณาโลมมาเป็นยอดยันต์ครู
หลวงปู่ ฉุกคิดมีเทพมานิมิตให้สร้างยันต์อุณาโลมให้โยมเอาไปติดไว้ที่ประตูบ้าน หลวงปู่จึงให้ขมวดไหมสีเหลืองสีของพระ เป็นยันต์อุณาโลมยอดยันต์ และไม่ให้เหมือนใครท่าน ได้ลงจารย์ตะกรุดพระเจ้า 5 พระองค์ ตอกโค๊ตไว้ด้านบนของยอดยันต์อุณาโลม ยอดยันต์อุณาโลมมีความหมายเป็นยันต์สร้าง นำความเจริญผาสุก ความสำเร็จ ความก้าวหน้า ความสว่างมาสู่สถานที่ มียันต์นี้คุมอยู่
หลวงปู่ทำการปลุกเสกแบบไม่ธรรมดาโดยว่าคาถาเชิญยันต์ถึง 108 องค์ ที่มียอดยันต์เป็นอุณาโลม เกจิยุคเก่าใช้คัดเลือกมาเป็นยันต์ประจำตัว มีดีมาก เชิญยันต์แต่ละยันต์มาจบลงที่ยอดยันต์อุณาโลมนพเก้านี้ ยอดพระยันต์นี้จึงเป็นการรวมสรรพวิชาความขลัง เรียกพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้มาบรรจุ ผู้ใช้ให้นำไปติดหน้าบ้าน ติดรถ ติดเรือ ไว้ในบริษัท ฯ หน้าร้านให้คนเห็นได้จะนำมาซึ่งความเจริญในสถานที่นั้น ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ยันต์อุณาโลมหลวงปู่ให้เอาไว้แก้อาถรรพณ์ ฮวงจุ้ย ถนนพุ่งชน หน้าบ้านที่มีสายไฟแรงสูง บ้านติดตึกสูงใหญ่ บ้านใกล้วัด บ้านใกล้โรงพยาบาล ให้นำยันต์นี้ไปติดด้านนั้น ๆ จะดีขึ้นโดยพลัน ยอดยันต์อุณาโลมนพเกล้า หมด

ไม่มีให้บูชาแล้ว หมดทุกนะครับ